เมื่อประมาณปี 2019 เคยจอง Verve พระราม 9 โครงการที่อยู่ใกล้ๆ กันไว้ แต่เนื่องด้วยแผนชีวิตที่เปลี่ยนเลยทิ้งเงินจอง ไปซื้อคอนโดแห่งหนึ่งแทน ต่อมาเมื่อแผนชีวิตเปลี่ยนอีก จึงกลับมามองหาที่อยู่ในทำเลเดิม ย่านรามคำแหง – ร่มเกล้า ที่ราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท กับผู้พัฒนาโครงการที่มีชื่อเสียง ไว้ใจได้ทั้งคุณภาพงานก่อสร้าง และการดูแลหลังการขาย
พอทราบข่าวว่า SC Asset จะเปิดโครงการ Verve ใหม่ ในทำเลนี้ที่ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้มมากขึ้น จึงกลายเป็นโครงการที่น่าสนใจและต้องมาดูความแตกต่าง อัพเดทแบบบ้านทาวน์โฮมเดิมที่เคยจองไว้ว่าได้ปรับปรุงแปลนให้สอดคล้องกับความต้องการของลูกค้ามากขึ้นหรือยัง
เริ่มต้นที่โจทย์ของการเลือกที่อยู่อาศัยของผมก่อนนะ
- โครงการใหม่ที่ยังไม่มีผู้อยู่อาศัยมากนัก เพราะเคยอยู่ในหมู่บ้านอายุ 30ปี คุณภาพเพื่อนบ้านเริ่มเปลี่ยนไป และผู้พัฒนาโครงการยังคงดูแลต่อเนื่องอยู่เพื่อให้ยูนิตที่เหลือยังคงน่าซื้อในสายตาลูกค้าอยู่
- มีพื้นที่เลี้ยงสุนัขลาบราดอร์ ที่ต้องการพื้นที่ในการวิ่งเล่น เลยมองหาแปลงมุมที่มีพื้นที่ข้างบ้าน หรืออยู่ใกล้กับพื้นที่สีเขียวส่วนกลาง
- ราคาไม่ถึง 5 ล้านบาท อยากได้ไม่เกิน 4.7ล้าน เผื่อไว้เป็นค่าเฟอร์นิเจอร์ เครื่องใช้ไฟฟ้า หรือต่อเติมพื้นที่
- มีแดดส่อง ไม่มีสิ่งกีดขวางขวางทางลม หลังบ้านควรโล่งมากกว่าติดกับหลังอื่น
- เดินทางง่าย ไม่ต้องถึงกับใกล้ความเจริญมากนัก แต่บอกทางคนที่จะมาที่บ้านได้ง่ายหน่อย เช่น เข้าถนนนี้มาแล้วตรงอย่างเดียว ถึงตรงนี้แล้วเลี้ยวเข้าโครงการเลย ไม่ต้องบอกเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวาหลายที
- ใกล้รถไฟฟ้า ยอมให้เดินทางออกจากบ้านไปขึ้นรถไฟฟ้าได้ไม่เกิน 2 กิโลเมตรโดยไม่ต้องขับรถไปจอดที่สถานี มีแค่จักรยานหรือมอเตอร์ไซค์รับจ้างก็พอ
- ใกล้แหล่งของกิน มีร้านอาหารให้เลือกหลากหลาย
ด้วยลักษณะทางกายภาพของ Verve รามคำแหง – วงแหวน ที่มีครบในเรื่องของทำเลที่ตั้ง เนื่องจากผมเติบโตในละแวกนี้มา ดังนั้นจึงพอเข้าใจในเรื่องการเดินทาง ถนนน้ำท่วมหรือไม่ หรือถ้าท่วมจะท่วมอย่างไร ย่านของกินมีอะไรที่น่าสนใจ (ย่านนี้เป็นย่านอิสลาม อาหารประเภทเนื้อ เช่น ก๋วยเตี๋ยว สเต็ก จะมีร้านอร่อยๆเยอะ) บวกกับการเดินทางที่เข้า ถ.ราษฎร์พัฒนา หรือซอยมิสทีนที่เราคุ้นปากมากกว่า ตรงมาจนเกือบถึงสามแยกแว็กซี่ ที่จะเลี้ยวเข้าเคหะร่มเกล้า ก็จะถึง Verve เลยครับ จากถนนใหญ่เข้ามาอีกราว 200 เมตร ก็จะเจอกับทางเข้าโครงการ
ทางเจ้าหน้าที่แจ้งว่า ถนนหลักที่เข้าโครงการจะผ่านวงเวียน ซึ่งในอนาคตจะขึ้นโครงการบางกอก บูเลอวาร์ดด้วย

ในโครงการจะมีทาวน์โฮม 3 ประเภท ขอไม่เรียกชื่อประเภทแล้วกัน เรียกเป็นขนาดหน้ากว้างของตัวบ้านแทน มีตั้งแต่หน้ากว้าง 5.2 เมตร ราคาจะอยู่ที่ 3 ล้านปลาย ถึง 4 ล้านนิดๆ ไม่มีแปลงมุม จะอยู่ตรงกลางที่จะประกบหน้าหลังด้วยแบบบ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร บ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร ราคาจะอยู่ที่ 4 ล้านต้น ถึง 4 ล้านปลาย มีแปลงมุมด้วยแต่ราคาเพิ่มอีก 1 ล้าน ราวๆ 5.79 – 6.29 ล้านบาท และหน้ากว้าง 7 เมตร ราคาจะอยู่ที่ 6-7 ล้าน มีเฉพาะแปลงมุมเท่านั้น (ราคา Pre Sale อัพเดท ณ วันที่ 3 ก.ย. 2021)

ด้วยงบประมาณจึงสนใจบ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร มีขนาดพื้นที่ตั้งแต่ 19-28 ตารางวา ที่จะมีความแตกต่างจาก 5.2 เมตร ในเรื่องพื้นที่ใช้สอย โดยเฉพาะห้องนอนชั้นบน โดยห้องนอนชั้นบนของบ้าน 5.2 เมตร จะมีห้องน้ำที่ใช้ร่วมกัน เข้าออกได้ 2 ทาง ส่วนบ้าน 5.7 เมตร จะเป็นห้องน้ำแยกในแต่ละห้องนอน

ในระหว่างที่โครงการเพิ่งเปิดขาย มีหน้าบ้านหันไปทางเหนือ เป็นฝั่งที่มีเสาไฟฟ้าวางหน้าบ้าน บ้านหันไปทางทิศใต้ ไม่มีเสาไฟฟ้า ในซอยถนนกว้าง 9 เมตร และบ้านหันทางทิศตะวันออก จะติดกับถนนหลักของโครงการกว้าง 12 เมตร และมีเสาไฟฟ้าอยู่หน้าบ้าน

เมื่อเข้ามาที่โครงการ สิ่งแรกที่สะดุดตามากๆ คือ ยีราฟเหลืองตัวสูงยืนอยู่บนพื้นที่สีเขียวของโครงการ มีพื้นยางกันล้มสีสันสดใสล้อมรอบ ให้บรรยากาศคล้ายโรงเรียนอนุบาล เพราะถัดมาเป็นอาคาร Clubhouse ที่ตกแต่งด้วยลายเส้นของนักวาดรูป @newyear6 ทั้งด้านบนและกำแพงด้านข้าง ในฐานะของคนที่ตามงานลายเส้นแบบนี้แล้วรักเลย เพราะบนโน้ตบุ๊คของตัวเอง มีสติ๊กเกอร์ลายเส้นของนักวาดคนนี้แปะอยู่อย่างบังเอิญมาพักนึงแล้ว
ส่วนตัวแล้วชอบตรงที่พื้นที่นี้จะกลายเป็นพื้นที่ของเด็กจริงๆ ไม่ต้องแชร์กับสวนสำหรับผู้ใหญ่ และสระว่ายน้ำที่อยู่ในอาคาร Clubhouse ก็ไม่ไกลมาก สามารถมองเห็นกิจกรรมในสนามเด็กเล่นนี้ได้เลย



พอเข้ามาดูบ้านตัวอย่าง จริงๆ ดูครบทุกแบบนะ แต่คอมเม้นท์ในส่วนของบ้านหน้ากว้าง 7 เมตรหน่อยนึงแล้วกันว่า ไม่ชอบพื้นที่ Master Bedroom ที่เป็น Duplex ยกสูง เพราะบ้านตัวอย่างที่ทำให้ดูบันไดขึ้นมีความชันมาก ปวดเข่าแน่นอน และด้วยความสูงจึงใกล้หลังคาจัด ความร้อนของห้องที่ลอยขึ้นจึงต้องติดแอร์บนพื้นที่นั้นเพิ่มอีก การใช้งานจริงจะค่อนข้างลำบากหน่อย เลยใช้เวลาดูแบบบ้านหน้ากว้าง 5.7 และ 5.2 เมตรแทน
ขอพาไปดูบ้านตัวอย่าง แบบบ้านหน้ากว้าง 5.2 เมตรก่อนแล้วกันครับ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็จะพบกับห้องนั่งเล่น ไว้ดูทีวี ในสภาพบ้านจริง ทีวีจะไม่ได้อยู่ในตำแหน่งนี้ เพราะจะไม่ได้กั้นเป็นผนังแบ่งเป็นห้องแบบบ้านตัวอย่าง หลายคนพูดว่าการกั้นห้องแบบนี้ทำให้แบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วน ใช้พื้นที่นั้นเป็นได้ทั้งห้องนอนชั้นล่าง ห้องทำงาน หรือเป็นพื้นที่สันทนาการในบ้านได้ และหลายคนก็บ่นว่าพอกั้นเป็นผนัง ทำให้พื้นที่ดูทีวีแคบลงเหมือนอยู่ในคอนโดไปเลย


จริงๆ แล้วชอบไอเดียการทำผนังแบบนี้นะ ไม่จำเป็นต้องกั้นเป็นห้องปิดจริงๆ จะทำให้ดูอึดอัดไป อย่างมากอาจจะเป็นแค่ผ้าม่านสีอ่อนๆ บางๆ กั้นทางเข้าไปยังห้องอเนกประสงค์นั้นแทนไว้เพื่อบังสายตา เพราะในความเป็นจริงถ้าเราจะแบ่งพื้นที่นี้ไว้เป็นห้องนอนสำรองสำหรับแขก เพื่อน พ่อแม่ ตัวผู้อยู่อาศัยหลักเองก็คงขึ้นไปนอนชั้นบนอยู่แล้ว และชั้นล่างก็จะกลายเป็นพื้นที่ส่วนตัวของเขาทั้งหมดโดยไม่ต้องกั้นประตูก็ย่อมได้
ในพื้นที่ชั้นล่างจะคล้ายๆ กับบ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร ที่มีห้องน้ำชั้นล่าง 1 ห้อง บ้านจริงจะไม่มีการกั้นผนัง แต่ด้วยความที่ได้กระจกแผ่นใหญ่ตรงหน้าห้องอเนกประสงค์ คล้ายเป็นหน้าต่าง จึงดัดแปลงให้เป็นห้องนอนริมหน้าต่าง เป็นห้องออกกำลังกาย ห้องทานอาหาร ห้องสำหรับสัตว์เลี้ยงพวกสุนัขหรือแมว หรือพื้นที่เลี้ยงลูกเล็กก็ได้


ไอเดียที่น่าสนใจต่อมาในบ้านตัวอย่าง แบบหน้ากว้าง 5.2 เมตร คือการต่อขยายพื้นที่ครัวไปจนสุดรั้ว ทำพื้นให้เท่ากับตัวบ้าน และใส่กระจกฝ้าด้านบน เพื่อให้แสงธรรมชาติเข้าครัว ส่วนในบ้าน 5.7 เมตร ทำตัวอย่างคล้ายกัน แต่ใช้เป็นกระจกใสด้านบนแทน ทั้งสองอย่างมีหน้าที่ในการเพิ่มแสงสว่างให้กับครัวโดยตรง ตอบโจทย์อย่างยิ่งสำหรับคนที่ทำอาหารและต้องการถ่ายรูปเพื่อโปรโมตเมนูที่ตัวเองตั้งใจทำ อย่างผมเองเคยอยู่ในครัวที่มีกระจกให้แสงส่องด้านข้างด้านเดียวมานาน หรืออยู่ในครัวที่ไม่ค่อยมีแสงธรรมชาติเยอะนัก การยกอาหารมาถ่ายข้างนอกเพื่อหาแสง หรือยกไฟไปวางไว้ในครัวค่อนข้างลำบาก แต่การตกแต่งในลักษณะนี้ให้ความอบอุ่นมากขึ้น และใช้งานได้จริง
แนะนำก็คือ ถ้าทำเพื่ออยู่อาศัยจริง ติดตั้งระบบระบายอากาศเป็นช่องลมใหญ่ๆ เพิ่มขึ้นด้วยก็จะดีมาก ไม่งั้นมีแต่กระจกให้แดดลง ก็จะสะสมความร้อนในห้องครัวเกินไป ยิ่งไปยืนทำกับข้าวนานๆด้วย ร้อนทั้งหน้าเตา ร้อนทั้งสภาพอากาศในครัว
จุดสังเกตคือ บ้านตัวอย่างจะไม่มีแทงค์น้ำวางไว้ เลยทำให้ห้องครัวดูกว้างกว่าปกติ ในความเป็นจริงแทงค์น้ำจะกินพื้นที่ส่วนหนึ่งของพื้นที่ด้านหลัง หลายคนวางแทงค์น้ำอยู่ในห้องครัว หลายคนก็เลือกที่จะกั้นพื้นที่แทงค์น้ำให้เป็นลานซักล้างไป ทำให้พื้นที่ครัวจะเล็กลงราว 1 ใน 4 จากบ้านตัวอย่าง


ทีนี้พามาดูชั้นสองของบ้านกัน อย่างที่บอกไปว่าความแตกต่างของแบบบ้าน 5.2 เมตร และ 5.7 เมตร อยู่ที่ห้องน้ำ แบบ 5.2 เมตร มี 1 ห้องน้ำชั้นบน ใช้ร่วมกัน ส่วน 5.7 เมตร มีห้องน้ำส่วนตัวในแต่ละห้องนอน ฝั่ง Master Bedroom จะอยู่หน้าบ้าน เพดานสูง 5 เมตร เมื่อบวกกับความกว้างขวางของห้องนอนใหญ่ จึงสามารถใส่ Walk-in Closet ได้เลย ทำตู้สูงๆ ไว้ใส่เสื้อผ้า กระเป๋า ของใช้ต่างๆ ได้เยอะ แบ่งโซนเป็นอย่างดี หรือกั้นพื้นที่ให้ชัดเจนสำหรับติดทีวีไว้ที่ผนังได้
จุดสังเกตคือ บ้านตัวอย่างจะติดแอร์เพดาน แต่โครงการจะแถมเป็นแอร์ผนังมาให้ ทำให้ความเป็นจริงห้องอาจจะดูไม่โปร่งมากนัก อยู่ที่การตกแต่งเป็นสำคัญ อีกจุดคือ บ้านหน้ากว้าง 5.2 เมตร แอบรู้สึกว่าประตูห้องนอนทั้งสองห้องอยู่ใกล้กัน นึกสภาพว่าถ้าลูกโตขึ้นอยากมีพื้นที่ส่วนตัว จะทำอะไรเสียงดังก็คงไม่ได้มาก เพราะห้อง Master Bedroom อยู่อีกฝั่งของประตูเลย ดังนั้นเลยคิดว่าบ้านหน้ากว้าง 5.2 เมตร น่าจะเหมาะกับครอบครัวขนาดเล็ก มีผู้อยู่อาศัย 1-2 คน มีแขกมาเป็นพักๆ แต่ถ้ามองว่าจะเป็นพื้นที่อยู่อาศัยสำหรับครอบครัวระยะยาว มีผู้อยู่อาศัย 2-3 คนเป็นต้นไป แบบบ้านหน้ากว้าง 5.7 เมตร น่าจะเหมาะกว่าในการจัดการพื้นที่ และความเป็นส่วนตัว


เมื่อพูดถึงความแตกต่างของบ้านหน้ากว้าง 5.2 และ 5.7 เมตร ที่ค่อนข้างชัดเจนคือในพื้นที่ห้องนอนเล็ก แบบ 5.2 เมตร ไม่มีห้องน้ำในตัว เลยดูค่อนข้างกว้างกว่าเมื่อเทียบกับห้องนอนใน 5.7 เมตร สามารถใส่ตู้เสื้อผ้า ตู้วางหนังสือได้ค่อนข้างเยอะ แต่ในห้องนอนของ 5.7 เมตร บริเวณหน้าห้องน้ำได้ทำพื้นที่เซาะผนังสำหรับวางตู้เสื้อผ้าแบบ Build-in ได้เพิ่ม บวกกับห้องน้ำที่มีหน้าต่างให้แสงธรรมชาติเข้าไปได้ ในระยะยาวก็จะลดความอับชื้นของห้องน้ำได้ดีกว่า ให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป แล้วแต่คนชอบนะ ซึ่งผมชอบแสงแบบนี้นะ มันดูอบอุ่นและสดชื่นกว่าห้องน้ำที่พึ่งแต่แสงไฟบนเพดานอย่างเดียว



โดยสรุปแล้ว ผมชอบในแบบบ้าน 5.7 เมตรมากกว่า ที่ค่อนข้างตอบโจทย์ระยะยาวได้ดีกว่า ทั้งพื้นที่ใช้สอยภายในที่ใช้งานจริงได้ทันที รองรับการเติบโตขึ้นของสมาชิกภายในบ้านได้เป็นอย่างดี บวกกับราคาที่อยู่ในช่วงที่รับได้
นอกเหนือจากนั้น ยังเป็นเรื่องของทำเลที่ตั้งโครงการ ใกล้รถไฟฟ้าสายสีส้มในระยะ 1.8 กิโลเมตร ใกล้มอเตอร์เวย์ ใกล้โรงเรียนมัธยมชื่อดังหลายแห่ง แวดล้อมด้วยแหล่งร้านอาหารและของกินหลากหลาย ถัดไปหน่อยจะเป็นชุมชนหมู่บ้านเดิมที่เคยอยู่ มีอาคารพาณิชย์และร้านอาหารเยอะ ความเป็นส่วนตัวในจำนวน 244 ยูนิตทั้งโครงการ พื้นที่สีเขียว ทั้งสระว่ายน้ำระบบเกลือ ห้องฟิตเนส และไฮไลท์อย่างสนามเด็กเล่นกับพี่ยีราฟตัวโต
เลยคิดว่าโครงการนี้น่าจะเป็นที่สนใจของหลายๆ คนในอนาคต รวมถึงผมเองก็เล็งโครงการนี้อยู่เช่นกันครับ
สำหรับใครที่อยากดูรายละเอียดโครงการนี้เพิ่มเติม ไปที่ https://www.scasset.com/th/townhome/verve-ramkhamhaeng-wongwaen/ ได้เลยครับ