รีวิว Bluetooth Keyboard Logitech K480

Bluetooth Keyboard Logitech K480 with iPad Pro 11inch 2020

ก่อนหน้านี้ ที่ยังไม่ได้ซื้อใช้งานซักที เพราะมี Bluetooth Keyboard ไว้ใช้งานอยู่บ้าง หนึ่งในนั้น คือ Apple Magic Keyboard ยุคแรกสุด ที่ยังใช้ถ่าน AA ในการทำงาน ด้วยความที่น้ำหนักเบา และดีไซน์เก๋ จึงพกคู่กับ iPad ไปทำงานอยู่พักนึง แต่ปัญหาก็เกิดในเรื่องความ “ลั่น” เพราะสวิตช์เปิดปิดคีย์บอร์ดที่ค่อนข้างเซนซิทีฟ ทำให้เมื่อใส่กระเป๋าจึงมีสิทธิ์เปิดคีย์บอร์ดขึ้นมาเมื่อไหร่ก็ได้ และนั่นหมายถึง ทุกการกระแทกคือการพยายามใส่ Password เข้า iPad พอกลับมาเปิดเจอเลยพบว่า iPad ถูกล็อคเพราะการใส่ Password ผิดหลายครั้งเกินไป วุ่นวายระดับที่ต้อง Restore iPad กันใหม่เลย

พอกลับมาใช้ iPad Pro 2020 รุ่น 11นิ้ว อีกครั้ง จึงซื้อ Magic Keyboard ที่เป็นทั้งเคสและคีย์บอร์ดในตัวราคา 9,900 บ. นั่นแหละมาใช้งาน แรกๆ ก็รู้สึกสะดวก เพราะเป็นทั้งเคสและคีย์บอร์ด แต่ความที่น้ำหนักของ Keyboard นี้เทียบเท่าหรือมากกว่าน้ำหนัก iPad Pro เล็กน้อย บวกกับองศาในการวางหน้าจอกับคีย์บอร์ด ค่อนข้างแหงนไปนิด ขนาดแป้นพิมพ์ที่เล็กเท่าหน้าจอ ไม่ค่อยคุ้นเคยเท่าไหร่ รวมไปถึงพิมพ์สัมผัสที่ไม่ได้ฟิลกระแทกกระทั้น ออกแนวนุ่มนวลและผู้ดีมากๆ เวลาพิมพ์เลยไม่ค่อยมั่นใจและสะใจเท่าไหร่ จึงขายต่อให้คนอื่นไป

บวกกับการที่ตัดสินใจไม่ได้ ในเรื่องที่จะใช้ iOS หรือ Android เป็นหลัก ชีวิตยังจำเป็นต้องถือ 2 Device แบบนี้อยู่ การที่มีแป้นพิมพ์ที่โยกไปใช้บนทั้งสองแพล็ตฟอร์มได้อย่างรวดเร็วจึงยิ่งตอบโจทย์มากขึ้นไปอีก เลยตัดสินใจซื้อมาใช้งาน

สลับใช้งานเพียงหมุนปุ่มทางซ้าย จาก iOS ไป Android

การใช้งานครั้งแรกง่ายมาก เพราะตอนซื้อเค้าแถมถ่าน AAA มาให้สองก้อนแล้ว ไม่ต้องเดินไปร้านสะดวกซื้อให้วุ่นวายอีก ทันทีที่ดึงฉลากกั้นถ่านออก แล้วกดปุ่มเปิดทำงานด้านใต้คีย์บอร์ด เราก็เลือกว่าอุปกรณ์ไหนที่เราจะเชื่อมต่อ ให้อยู่ในหมายเลข 1-2-3 เพราะความสามารถในการจดจำอุปกรณ์กับคีย์บอร์ดนี้ได้มากถึง 3 เครื่องนั่นเอง 

เมื่อเลือกหมายเลขเครื่องแล้ว ก็ดูว่าเครื่องที่เลือกนั้นเป็น iOS หรืออื่นๆ (Android , Windows, ChormeOS) ถ้าเป็น iOS ให้กดปุ่มที่อยู่มุมขวาบน เลือกปุ่มขวา ค้างไว้ 3 วินาที แล้วไปเปิดในหน้าSettings > Bluetooth ของอุปกรณ์เพื่อทำการจับคู่กับคีย์บอร์ด ส่วนถ้าเป็น Android และอื่นๆ ให้เลือกปุ่มซ้าย กดค้างไว้ 3 วินาทีเช่นกัน แค่นี้ก็เชื่อมต่อได้เรียบร้อย

หรือถ้าจะเพิ่มอุปกรณ์เชื่อมต่อ ก็ให้ทำลักษณะเดียวกัน เพียงแต่มุมปุ่มซ้ายบน ให้เปลี่ยนเป็นหมายเลขที่ไม่ซ้ำกับการเชื่อมต่ออุปกรณ์แรกไปแล้ว

การใช้งาน ก็จะเหมือนกับคีย์บอร์ดทั่วไป ไม่มีอะไรพิเศษ การเปลี่ยนภาษาบน iOS จะใช้ปุ่ม Caps Lock ส่วนบน Android จะใช้เป็น Ctrl + Spacebar ขณะที่ปุ่ม ESC จะเป็นปุ่มที่กดออกจากโปรแกรม หรือเป็นปุ่มที่จะทำให้อุปกรณ์นั้นตื่น และเปิดหน้าจอขึ้นมา

ส่วนอีกจุดเด่น คือ องศาของหน้าจอในการวาง รอยบากสีเหลืองๆ ที่โดดเด่นสำหรับวางอุปกรณ์นั้น มีขนาดใหญ่เพียงพอสำหรับวาง iPad Pro 11นิ้ว ที่ใส่เคสหนาได้อย่างพอดี ใช้ทั้งแบบแนวนอนหรือแนวตั้งก็ได้ ไม่ล้ม และไม่ต้องถอดเคสด้วย จึงเป็นข้อดีกว่าการใช้ Magic Keyboard ที่มีความโล้นเปลือยกว่า แต่ด้วยความที่ขอบสีเหลืองนั้นลึก จึงทำให้เวลาวางอุปกรณ์ที่มีขนาดเล็ก เช่น มือถือ อาจจะกินขอบหน้าจอไปหน่อยนึง ทำให้ไม่สามารถเห็นข้อความเต็มหน้าจอได้ โดยเฉพาะการวางแบบแนวนอน ถ้าวางแบบแนวตั้งจะสะดวกใช้งานมากกว่า

ข้อเสีย อยู่ที่น้ำหนัก ขนาดน้ำหนักของ Magic Keyboard ยังว่าหนักแล้ว Logitech K480 มีน้ำหนัก 820 กรัม นึกภาพว่ามือถือปกติ น้ำหนักอยู่ที่ 100 กรัมนิดๆ iPad Pro จะอยู่ที่ 400 กรัม การพกคีย์บอร์ดนี้ไปทำงานโดยใส่กระเป๋าเล็กๆ น่าจะต้องคิดอยู่พอควร เพราะทั้งหนาและหนัก จึงทำให้มันมีน้ำหนักไม่ต่างอะไรกับการพก Ultrabook หรือ Macbook Air เลย 

ดังนั้น Logitech K480 นี้ น่าจะเหมาะกับการใส่ในกระเป๋าสะพาย Messenger Bag หรือเป้ ที่พกอุปกรณ์ทำมาหากินไว้ครบครัน ทั้งกล้อง Mirrorless , สายชาร์จอุปกรณ์ , Powerbank , กระติกน้ำสวยๆ หรือหนังสือดีๆ ซักเล่ม เหมาะสำหรับ Content Creator สายนักคิด นักเขียน นักเดินทาง Copywriter หรือคนเขียนสคริปท์ที่ไม่ชอบนั่งพิมพ์งานอยู่หน้าจอคอมแบบเดิมๆ แถมการพก iPad Pro พร้อมปากกา กับคีย์บอร์ดที่พิมพ์มันๆ แถมมีอายุการใช้งานที่ข้างกล่องเคลมว่ารองรับการใช้งานได้ถึง 2ปี ก็ถือว่าคุ้มกับน้ำหนักที่ต้องเพิ่มในราคาที่ถูกกว่า Official Keyboard เกือบ 10 เท่าเลย ก็ยิ่งทำให้มีเงินเหลือๆ ไว้เดินทาง หรือจ่ายค่ากาแฟในร้านเก๋ๆ เพิ่มขึ้นอีกหลายแห่งเลย